บทที่ 6 เด็กหญิงอิง
ผู้บังคับบัญชา ตบไหล่ลูกน้องเบาๆ แล้วบอกด้วยเสียงเบาว่า “ถ้ามีเหตุปะทะ ต้องปลอดภัยที่สุด อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงนะก้อง พวกนี้สู้ยอมตาย เพราะเงินถูกจ่ายออกมาแล้ว มันจะทำงานให้ดีที่สุด เพราะถ้ารอดไปได้ มันจะได้ชื่อว่ามีผลงาน แล้วค่าหิ้วจะสูงขึ้นอีก “
“ครับท่าน “ ก้องภพรับคำสั่ง ก่อนจะพาลูกน้องนับสิบชีวิต เดินทางออกจากค่ายด้วยรถ 3คัน มาถึงจุดหมายในช่วงบ่าย กลุ่มที่ประจำอยู่เดิมดีใจที่จะได้กลับบ้านสักที ความกันดาร ความลำบากทำให้การทำงาน 23วัน พัก7วัน เป็นการฝึกความอดทนไปในตัว
“ ผม ร.ท. ก้องภพ รักษาศักดิ์ มารายงานตัวที่กองร้อยลาดตระเวณ จุดหมู่บ้านโผะ วันนี้วันแรกครับผม “
รุ่นพี่รับการรายงานแล้วยิ้มทักทาย
“ก้อง มาไงวะ “ ก้องภพยิ้มอย่างสุภาพ
“ก็มาอย่างที่เห็นนี่แหละพี่”
“ตอนข่าวมากูก็ว่ามันจริงหรือเปล่าวะ พอเห็นคำสั่งก่อนมึงมา กูถึงได้คิดว่าชัวร์แล้ว”
รุ่นพี่ที่ทันในช่วงเรียนด้วยกันชวนคุย “กูรุ่นน้องผู้พันอาทิตย์ เค้าเคยมาอยู่นี่ก่อน แล้วก็โดนเรียกกลับ แล้วก็ส่งกูมา ได้สองปีแล้ว มึงมาคราวนี้ดูท่าจะไม่นานเท่ากูก็คงได้กลับ พวกนายคงให้มึงมาทำผลงาน ก่อนจะให้ติดยศผู้พันวะ “ รุ่นพี่ประเมินสถานการณ์
“ครับผม ยังไงรอบนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้พันนะครับ “
เสียงตอกสมอปักเต้นท์ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญ ก้องภพมองเท้าที่เลือดแดงฉาน แล้วรีบสตาร์ทรงทันที
”รักษาการณ์ด้วย จะพาคนเจ็บไปหาหมอ “
รถกะบะป้ายแดงมาจอดตรงหน้าประตู ก่อนนายทหารหนุ่มจะพาลูกน้องลงมา
“หมอเย็บแผลหน่อย “ ญาติคนไข้วินิตฉัยอาการเองเรียบร้อย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะตรวจโรค เห็นไอโฟนเครื่องใหม่สีpacific blue วางอยู่
แล้วพยาบาลก็ออกมารับคนไข้ ก่อนหมอ “คุณหมอเย็บแผลอยู่ค่ะ รอสักครู่ “
หมอใช้ไอโฟนด้วย ก้องภพคิดในใจ
กองกำลังชายฉกรรจ์นับสิบคน เดินเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับอาวุธ ครบมือ ผู้อาวุโส ออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
“อาซอไปไหน “ คำถามแรก ที่เป็นคำถามที่ผู้เฒ่ารู้อยู่แล้ว ถูกถามขึ้นมา
“ย้ายไปหมดแล้ว “ เสียงคำตอบดังขึ้นมา แล้วเสียงปืนก็รัวขึ้นฟ้าทันที
“จะมีประโยชน์อันใดที่จะระบายอารมณ์ที่นี่ “ ผู้เฒ่าบอกออกมา
“อาซอไปได้หลายวันแล้ว ยกไปหมดครอบครัวตั้งแต่วันขนสินค้า หากตามไปคงจะทันได้เจอที่ริมแม่น้ำ “ ผู้เฒ่าแจ้งหนทาง ชายฉกรรจ์มองกระท่อมตรงหน้าแล้วจัดการจุดไฟเผาทันที ก่อนจะล่าถอยออกไป
คนในหมู่บ้านมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความหวาดหวั่น แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าบุตรสาวคนโตของอาซอยังมีชีวิต แต่ไม่มีใครปริปากพูดออกมา หากความเมตตาที่คนในบ้านจะให้อิงได้ ก็มีเพียงเท่านี้
เด็กหญิงถูกหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี พาลงมาจากบนดอย หลังจากถูกทิ้งให้อยู่ในห้องเรียนเพียงลำพังหลังจากนั้น 3วัน
“พระเจ้าจะรับลูกเข้าไปในอ้อมแขน อย่างไม่มีข้อแม้ “
เด็กหญิงอิง จึงถูกแปลงชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ภายใต้ครอบครัวผู้อพยพที่รอการอนุเคราะห์
น.ส น้ำอิง ตั้งในความดี เป็นนักเรียคนแรกจากการอนุเคราะห์ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ ในคณะแพทยศาสตร์ในวัยเพียง 17ปี เท่านั้น
นายแพทย์ สัญญา มองนักเรียนแพทย์คนใหม่ที่ได้รับคะแนนสอบสูงลิ่ว จากการสอบคัดเลือกทั่วประเทศ ร่างบอบบางผิวเหลืองซีด มาในชุดนักเรียนตัวเก่า สะพายย่ามผ้าเอาไว้ ท่าทางตื่นกลัวไม่น้อย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ นางสาวน้ำอิง ตั้งในความดีค่ะ “
อาจารย์วัย50ปี ยิ้มออกมา แล้วรับเอกสารของเด็กคนนี้มาตรวจ เพื่อเข้ามอบตัว
เอกสารครบถ้วนทั้งผลการสอบ ผลการเรียน ทะเบียนบ้าน และบัตรประชนชน
”แล้วเอกสารพ่อแม่ผู้ปกครองละ “
“ไม่มีค่ะ หนูเป็นเด็กกำพร้า อยู่ในศูนย์อพยพ รอการอนุเคราะห์ “
“หมายความว่า “
“ค่ะ หนูยังไม่มีผู้ปกครอง “
ใบหน้าของเด็กนักเรียนในวันนั้น ทำให้อาจารย์หมอจำได้ถึงวันนี้ น้ำตาที่คลอในดวงตา ไม่มีวันที่จะปล่อยให้ไหลลงมา เหมือนกับว่าน้ำตาได้หมดไปจากดวงตานานแล้ว
“รอก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน “ อาจารย์หมอ บอกพร้อมกับเรียกคิวถัดไป เพื่อตรวจเอกสารในวันที่มอบตัวของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่1
